เครื่องหอมถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง
ซึ่งมนุษย์ได้ใช้ทักษะการสังเกตและทดลองจากจุดเล็กๆ โดยเริ่มจากการดมกลิ่นดอกไม้ที่โชยกลิ่นหอมฟุ้งมาสัมผัสจมูกจนทำให้เกิดความพอใจและมีความสุข
ในเริ่มแรกเดิมทีก็เพียงเด็ดดมแล้วทิ้งไป แต่ต่อมาก็นำเอาดอกไม้หอมเหล่านั้นมาประดับตามร่างกายพิศดูแล้วสวยงามและผู้ที่ประดับยังมีกลิ่นหอมตามกลิ่นดอกไม้อีกด้วย
จากกลิ่นหอมที่เกิดจากดอกไม้เหล่านี้เอง มนุษย์ก็เริ่มสังเกตความหอมที่เกิดจากส่วนอื่นของต้นไม้เช่น
ใบ เปลือก เนื้อไม้ ราก และยางของต้นไม้ และสังเกตต่อไปถึงกลิ่นหอมในตัวสัตว์ เช่น
ชะมด ปลาวาฬ และตัวบีเวอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังรู้จักสกัดเอาน้ำมันหอมจากพืชและสัตว์นำมาบรรจุใส่ภาชนะเพื่อเก็บรักษาไว้ให้นานขึ้น
วิวัฒนาการจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งใช้เวลาเป็นพันๆปีกว่าจะเป็นเครื่องหอมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนั้นด้วยความหลักแหลมของมนุษย์ยังคิดค้นสิ่งทดแทนธรรมชาติโดยการผสมผสานปรุงแต่งออกมาเป็นเครื่องหอมสังเคราะห์นอกเหนือจากที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา
ความหมายของคำว่า “เครื่องหอม” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน(2525:195)
ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า
“เครื่อง”
หมายถึง สิ่ง สิ่งของ สิ่งที่สำหรับประกอบกันหรือเป็นพวกเดียวกัน
“หอม”
หมายถึง ได้รับกลิ่นดี กลิ่นหอม
“เครื่องหอม”
หมายถึง สิ่งที่นำมาประกอบกันแล้วมีกลิ่นหอม
ดังนั้นเครื่องหอมบำบัดสารสกัดจากธรรมชาติจึงมีความหมายว่าสิ่งที่มีกลิ่นหอมสามารถบรรเทารักษาอาการเจ็บไข้ได้และมีวัตถุดิบมาจากธรรมชาติ
หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า
“สุคนธบำบัด” ซึ่งตรงกับคำในภาษาอังกฤษที่ว่า “Aromatherapy”
Aroma (อโรมา) แปลว่า
กลิ่น, กลิ่นหอม (สุคนธา)
Therapy (เธราปี)
แปลว่า การบำบัดรักษา
Aromatherapy (อะโรมา-เธราปี)
หมายถึง การบำบัดรักษาโรคโดยใช้กลิ่นหอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น